ทำความรู้จัก IB Diploma

ทำความรู้จัก IB Diploma

หลักสูตร IB หรือ International Baccalaureate Programme เป็นหลักสูตรการศึกษา 3 ระดับที่จัดตั้งโดย International Baccalaureate Organization (IBO) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า 156 ประเทศทั่วโลก หลักสูตร IB ถูกเขียนขึ้นด้วยจุดประสงค์ให้มีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก เนื่องจากมีนักเรียนนักศึกษาที่จำเป็นต้องย้ายสถาบันจากประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศหนึ่ง จึงต้องมีหลักสูตรที่รองรับเด็ก ๆ เหล่านี้ ดังนั้นหลักสูตร IB จึงมีความพิเศษตรงที่มีเนื้อหาวิชาหลากหลายมากกว่าโรงเรียนทั่วไป วิชาเหล่านั้นต้องสอนครอบคลุมวัฒนธรรมต่าง ๆ และนักเรียนต้องลงมือเรียนรู้เองเพื่อจะได้เติบโตทางด้านอารมณ์และสังคม พร้อมจะเข้าไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไม่ว่าจะในประเทศใดก็ตาม

จำนวนโรงเรียนที่สอนหลักสูตร IB มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ถึงปี ค.ศ. 2019 มีโรงเรียนหลักสูตร IB เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 39.3 และจากสถิติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562  มีโรงเรียนที่สอนหลักสูตร IB ทั้งหมด 5,057 โรงเรียนทั่วโลก จึงเป็นไปได้ว่าจะมีโรงเรียน IB เพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต นับได้ว่าการศึกษาระบบ IB เป็นหนึ่งในมาตรฐานการศึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก  

หลักสูตร IB แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

  • หลักสูตรการศึกษาระดับต้น (IB Primary Years Programme, PYP) สำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 3 ถึง 12 ปี
  • หลักสูตรการศึกษาระดับต้น (IB Middle Years Programme, MYP) สำหรับนักเรียนอายุ 11 ถึง 16 ปี
  • หลักสูตรการศึกษาระดับประกาศนียบัตรนานาชาติ (IB Diploma Programme, IBDP) สำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 16 ถึง 19 ปี

ซึ่งหลักสูตร IB ทั้งสามระดับนี้ได้ถูกรวบรวมและประยุกต์จากระบบการศึกษาต่างๆทั่วโลก และยังถือว่าเป็นที่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลทั่วโลกอีกด้วย โดยเฉพาะหลักสูตร IB ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆก็คือหลักสูตร IB Diploma Programme ในระดับที่ 3 ซึ่งเป็นหลักสูตรในระดับเดียวกันกับ A Level ถ้าแปลง่ายๆก็คือหลักสูตรที่เป็นรอยต่อระหว่าง High School กับ College/University หรือเป็นหลักสูตรการเรียนเพื่อเอาคะแนนสอบไปใช้ยื่นสมัครศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศรวมถึงมหาวิทยาลัยใน UK ด้วยนั่นเองค่ะ

รายวิชาในหลักสูตร IB Diploma Programme จะมีทั้งหมด 6 กลุ่ม ดังนี้

  1. Literature ภาษาและวรรณกรรม

              เพื่อศึกษาความซับซ้อน และดื่มด่ำความรุ่มรวยของภาษาในบริบทที่หลากหลาย

2. Second Language ทักษะการใช้ภาษา

              เพื่อศึกษาภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาละติน ภาษากรีก เพื่อให้เข้าใจการใช้ภาษาในบริบทและจุดประสงค์ต่าง ๆ รวมถึงทำความเข้าใจวัฒนธรรมต่างชาติผ่านการศึกษาภาษานั้น

3. Individuals and Societies ปัจเจกและสังคม

              เพื่อหัดวิเคราะห์และศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมผ่านวิชาจำพวก จิตวิทยา ปรัชญา เศรษฐศาสตร์

4. Experimental Sciences วิทยาศาสตร์

              ได้แก่ ชีววิทยา วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เคมี เทคโนโลยีการออกแบบ ฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ

5. Mathematics and Computer Science คณิตศาสตร์

              ได้แก่ วิธีการทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ระดับกลางและระดับสูง

6. Arts and Electives ศิลปะ

              นักเรียนจะศึกษาศิลปะหลายแขนงและเชื่อมโยงไปถึงบริบททางวัฒนธรรมของสาขานั้น เช่น เต้นรำ ดนตรี ภาพยนตร์ ละครเวที และทัศนศิลป์

นอกจากนี้น้องๆ จะต้องผ่านการเรียนอีก 3 รายวิชาคือ

  • Theory of Knowledge (ToK)

เป็นวิชาที่ออกแบบเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์และสังคม เช่น ความเข้าใจ อารมณ์ ภาษาและเหตุผล ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ รวมถึงกฏระเบียบในแนวทางวัฒนธรรมของตนเองและวัฒนธรรมของโลก เช่น วิทยาศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ และประวัติศาสตร์ เป็นต้น

  • Extended Essay (EE)

เป็นเรียนเพื่อการเขียนเรียงความในหัวข้อที่ตนเองสนใจโดยจะมีความยาว 4,000 คำ

  • Creativity, Action, Service (CAS)

เป็นการทำกิจกรรมนอกโรงเรียนที่นักเรียนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมงในแต่ละกิจกรรม นั่นเอง โดย

  1. Creativity หมายถึง กิจกรรมที่ใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ
  2. Action หมายถึง กิจกรรมการเล่นกีฬา
  3. Service หมายถึง การมีส่วนร่วมและทำกิจกรรมเพื่อสังคม

สำหรับการใช้คะแนนเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย หากเป็นในต่างประเทศ เมื่อน้องๆจบหลักสูตร IB แล้วก็สามารถใช้ยื่นเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้เลยนะคะ ซึ่งต้องทำคะแนนให้ได้ประมาณ 32 คะแนนขึ้นไป แต่หากได้คะแนนประมาณ 30-31 คะแนน ก็จะต้องเรียนปรับพื้นใน Foundation Programs ก่อนค่ะ ส่วนในประเทศไทยบ้านเรา IB diploma จะถือว่าเป็นวุฒเทียบเท่าวุฒิหนึ่งที่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องสอบอย่างอื่นเพิ่มเติมตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่ก็อาจจะมีบางคณะที่สามารถใช้คะแนน IB ยื่นแทนได้เลย

การจัดสอบ IB diploma นั้นจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วโลกและมีเพียง 2 รอบต่อปีเท่านั้น โดยสอบช่วงแรกจะเป็นเดือนพฤษภาคม และอีกช่วงคือเดือนพฤศจิกายน เห็นได้ชัดเจนค่ะว่ามีรอบสอบน้อย โอกาสแก้ตัวไม่มากนัก น้องๆคงต้องเตรียมตัวกันให้พร้อมที่สุดค่ะ

ระบบคะแนน IB (Grading) และการประเมิน IB (Assessment)

  • คะแนนแต่ละวิชาอยู่ที่ 1 ต่ำสุด ถึง 7 สูงสุด โดยนักเรียนต้องผ่านข้อสอบเขียนของแต่ละวิชา ซึ่งตรวจโดยกรรมการอิสระของ IB บวกกับการประเมินผลรวมจากโรงเรียน
  • คะแนนเต็มของระบบ IB คือ 45 ซึ่งจะมาจาก 6 กลุ่มวิชา ที่มีคะแนนเต็มวิชาละ 7 คะแนน รวมเป็น 42 คะแนน และอีก 3 คะแนนจากผลงานส่วน TOK และ EE)
  • นักเรียนต้องได้อย่างน้อย 28 คะแนนและผ่านการประเมิน creativity, action, service จึงจะได้ประกาศนีบัตร