รู้จัก 6 หลักสูตรนานาชาติของโรงเรียนในไทย แตกต่างกันอย่างไร?

รู้จัก 6 หลักสูตรนานาชาติของโรงเรียนในไทย แตกต่างกันอย่างไร?

ชวนไปทำความรู้จักกับหลักสูตรการสอนจากต่างประเทศ ที่ถูกนำมาใช้ในโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกหลักสูตรนานาชาติที่เหมาะสมกับลูก ๆ ทั้งยังจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้วยว่า จะมีหลักสูตรใดบ้างที่ต้องทำการสอบเทียบ IGCSE หรือการสอบในด้านอื่น ๆ เพื่อปูทางไปสู่การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์หรือในต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง

6 หลักสูตรนานาชาติของโรงเรียนในไทย

หลักสูตร IB (International Baccalaureate)

หลักสูตร IB หรือ International Baccalaureate จัดตั้งโดย International Baccalaureate Organization (IBO) เป็นหลักสูตรนานาชาติที่มีกระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้เป็นไปตามพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

  • หลักสูตรการศึกษาระดับต้น (IB Primary Years Programme, PYP) อายุ 3-12 ปี
  • หลักสูตรการศึกษาระดับกลาง (IB Middle Years Programme, MYP) อายุ 11-16 ปี
  • หลักสูตรการศึกษาระดับประกาศนียบัตรนานาชาติ (IB Diploma Programme, IBDP) อายุ 16-19 ปี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย

หลักสูตรนานาชาติ IB จะมีการเรียนการสอนทั้งสิ้น 6 รายวิชา คือ ภาษาที่หนึ่ง ภาษาที่สอง สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะ 

นอกจากนี้ ในช่วงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ต้องสอบผ่านข้อสอบสำหรับหลักสูตรและผ่านเงื่อนไขพิเศษ จึงจะสามารถเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศต่าง ๆ ได้ ซึ่งเงื่อนไขที่ต้องสอบผ่านจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เงื่อนไข คือ

  • Theory of knowledge (TOK) เป็นการนำเสนอความรู้เชิงวิพากษ์เกี่ยวกับมนุษย์และสังคมผ่าน Oral Presentation และ Essay จำนวน 1,600 คำ
  • Creativity, Activity, Service (CAS) เป็นการทำโครงงานที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
  • The Extended Essay เป็นการทำการค้นคว้าและวิจัย เพื่อเขียน Essay จำนวน 4,000 คำ

จะเห็นได้ว่าหลักสูตรนี้ จะเน้นไปที่การศึกษาในแบบบูรณาการ ควบคู่ไปกับความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมและภาษา รวมถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย

หลักสูตรอังกฤษ (British Curriculum)

หลักสูตรอังกฤษ (British Curriculum) ที่ยึดตาม The National Curriculum เป็นหลักสูตรนานาชาติที่อ้างอิงตามกระทรวงศึกษาธิการของประเทศอังกฤษ มีรูปแบบการเรียนการสอนที่เปิดให้เด็กได้ค้นหาตัวเอง โดยเน้นการเรียนใน 3 วิชาหลัก คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ และมีวิชาเลือกอื่น ๆ อีกประมาณ 8-9 วิชา โดยจะแบ่งช่วงชั้นเรียนเป็น 6 Key Stage คือ 

  • ช่วงชั้น 0 (Key Stage 0 Nursery-Reception) สำหรับเด็กเล็ก อายุ 4-6 ปี
  • ช่วงชั้น 1 (Key Stage 1 Year 1-Year 2) อายุ 5-6 ปี 
  • ช่วงชั้น 2 (Key Stage 2 Year 3-Year 6) อายุ 7-10 ปี 
  • ช่วงชั้น 3 (Key Stage 3 Year 7-Year 9) อายุตั้งแต่ 11-13 ปี 
  • ช่วงชั้น 4 (Key Stage 4 Year 10-Year 11) อายุ 14-15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนต้องเตรียมพร้อมเพื่อการสอบ IGCSE (International General Certificate of Secondary Education) 
  • ช่วงชั้น 5 (Key Stage 5 Year 12-Year 13) อายุตั้งแต่ 16-17 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อสอบวัดระดับ A-Level หรือ IB Diploma เพื่อการสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย

หลักสูตรอเมริกา (American Curriculum)

หลักสูตรอเมริกา (American Curriculum) เป็นหลักสูตรนานาชาติที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย โดยโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรอเมริกา จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากองค์กรจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Western Association of Schools and Colleges (WASC), New England Association of Schools and Colleges (NEASC) หรือสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (ONESQA) ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันมาตรฐานหลักสูตรของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเน้นการเรียนใน 6 วิชาหลัก คือ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคมศาสตร์ วิชาภาษาศาสตร์ วิชาศิลปะ และวิชาพลศึกษา 

หลักสูตรอเมริกาเรียกระดับชั้นเป็น Grade และแบ่งช่วงระดับชั้นออกเป็น 4 ช่วง คือ

  • ระดับอนุบาล Kindergarten (KG) อายุ 4-6 ปี
  • ระดับประถมศึกษา Elementary School (Grades 1-5) อายุ 6-11 ปี
  • มัธยมศึกษาตอนต้น Middle School (Grades 6-8) อายุ 11-14 ปี
  • มัธยมศึกษาตอนปลาย High School (Grades 9-12) อายุ 14-18 ปี

สำหรับนักเรียนที่เรียนในหลักสูตรอเมริกา จำเป็นต้องสอบ ACT หรือ SAT เพื่อนำไปใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย

หลักสูตรสิงคโปร์ (Singapore’s Education System)

สำหรับใครที่กำลังมองหาหลักสูตรนานาชาติที่มีความเข้มข้นทางวิชาการ หลักสูตรสิงคโปร์ (Singapore’s Education System) นับว่าเป็นทางเลือกที่ลงตัว ด้วยการเรียนการสอนที่เน้นวิชาหลักอย่างคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมถึงการเรียนภาษาถึง 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และจีน (แมนดาริน) โดยแบ่งช่วงระดับชั้นออกเป็น  

  • ระดับชั้นประถมศึกษา (Primary 1-6) อายุ 6-11 ปี (เทียบเท่า ป.1-6)
  • ระดับมัธยมศึกษา (Secondary 1-4) อายุ 11-14 ปี (เทียบเท่า ม.1-4) 

หลังจากนั้นจะมีการสอบ O-level เพื่อเลือกว่าจะเรียน Junior College หรือ Polytechnic ซึ่งเป็นสายวิชาชีพ หรือสอบ A-Level เพื่อเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย

หลักสูตร A-Level (Advanced Level)

ในส่วนของหลักสูตร A-Level (Advanced Level) เป็นหลักสูตรนานาชาติสำหรับเด็กอายุ 16-19 ปี ที่จบการศึกษาภาคบังคับในระดับมัธยมศึกษาของอังกฤษ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยการเรียนในระดับ A-Level มีทั้งหมดประมาณ 55 รายวิชาด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มวิชา ได้แก่

  • กลุ่มวิชาภาษา (Language)
  • กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities & Social Science)
  • กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ (Science)
  • กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics)
  • กลุ่มวิชาทักษะวิชาชีพ (Creative, Technical and Vocational)

การจะเรียนจบหลักสูตร A-Level ได้นั้น ต้องเลือกเรียนประมาณ 4 วิชา รวมกับการเรียน IGCSE 5 วิชา เพื่อที่จะได้รับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา และนำไปใช้ในการสมัครเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย

หลักสูตร AP (Advanced placement)

สำหรับหลักสูตร AP (Advanced placement) เป็นหลักสูตรนานาชาติที่มาจากประเทศอังกฤษ เพื่อใช้เตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรอเมริกา จำเป็นต้องมีการเรียนในหลักสูตร AP ควบคู่กันไปด้วย โดยจะมีการเปิดรายวิชา AP ให้เลือกเรียน ซึ่งจะประกอบด้วย 7 หมวดวิชา ได้แก่ AP Capstone, AP Arts, AP English, AP History & Social Sciences, Math & Computer Science, Science และ World Language 

หลักสูตร AP จะเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ Grade 12 (อายุ 17-18 ปี) โดยหลักสูตร AP นั้น จะไม่ใช่การเรียนเพื่อเทียบวุฒิการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเหมือน IB หรือ A-Level แต่จะเป็นเหมือนการเก็บหน่วยการเรียน เพื่อเป็นทางลัดในการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย 

นักเรียนในหลักสูตรใดที่ต้องสอบ IGCSE

เมื่อได้รู้กันแล้วว่าหลักสูตรนานาชาติที่มีการเรียนการสอนในประเทศไทยมีอะไรบ้าง แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วการสอบเทียบ IGCSE นั้นมีความสำคัญอย่างไร และในหลักสูตรใดที่จำเป็นจะต้องสอบบ้าง ไปหาคำตอบกัน 

สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องเรียนและสอบเทียบ IGCSE คือนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการศึกษาแบบประเทศอังกฤษ โดยเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในช่วงชั้นที่ 4 (Key Stage 4 Year 10-Year 11) เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเข้าศึกษาในช่วงชั้น 5 (Key Stage 5 Year 12-Year 13) และศึกษาในระดับ A Level และ AS Level ต่อไป

และสำหรับน้อง ๆ ที่เรียนในโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรนานาชาติของประเทศอังกฤษ และกำลังมองหาที่ติวเพื่อสอบเทียบ IGCSE ที่ Up Grade Class มีคอร์สติวสอบ IGCSE ที่สามารถเลือกรูปแบบการเรียนการสอนได้ทั้งแบบเรียนตัวต่อตัว (One-on-One Private) หรือแบบกลุ่มส่วนตัว (Private Group) กลุ่มส่วนตัว 2 คน และแบบย่อย 3 คน (Small Group) สามารถเลือกลงเรียนได้ตามเวลาที่สะดวก อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น เน้นเทคนิคการทำข้อสอบ โดยครูผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้เกิดความพร้อมที่สุดก่อนลงสนามสอบจริง